หน้าเว็บ

วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

การใช้ Windows Media Player


Windows Media Center
เมนูหลักของ Windows Media Center
เมื่อใช้ Media Center เต็มความสามารถ คอมพิวเตอร์ของคุณจะกลายเป็นแหล่งรวมความบันเทิงในบ้านที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง คุณสามารถใช้ความสามารถของ Media Center ได้อย่างเต็มที่ด้วยการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ของคุณกับทีวีความละเอียดสูง (HDTV) และใช้รีโมทสำหรับ Media Center เพื่อควบคุมการทำงานทั้งหมดได้จากเก้าอี้พักผ่อนของคุณ
พีซีที่เชื่อมต่อกับทีวีและรีโมทสำหรับ Windows Media Center
พีซีที่เชื่อมต่อกับทีวีและรีโมทสำหรับ Media Center
อีกทางเลือกหนึ่งคือเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ของคุณกับจอภาพคอมพิวเตอร์ แป้นพิมพ์ และเมาส์แบบมาตรฐาน คุณสามารถส่งกระแสข้อมูลสื่อทางเครือข่ายในบ้านไปยังอุปกรณ์ Extender ได้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ให้ดูที่ การตั้งค่า Windows Media Center Extender
ไม่ว่าคุณจะเลือกวิธีใด Media Center ก็ยังคงให้ความบันเทิงกับคุณได้โดยให้คุณทำสิ่งต่อไปนี้

ฉันจะใช้งาน Media Center ได้อย่างไร

การติดตั้ง Windows Media Center

ในครั้งแรกที่คุณเริ่มต้น Media Center คุณจะพบกับหน้าที่แสดงข้อมูลการติดตั้งพร้อมด้วยตัวเลือกสำหรับการติดตั้งสองตัวเลือก แน่นอนว่าวิธีที่เร็วที่สุดคือ 'ติดตั้งด่วน' โดยคุณสามารถเลือกตัวเลือกนี้ได้เลยถ้าต้องการเริ่มต้นทันที อย่างไรก็ตาม การเลือกตัวเลือก 'ติดตั้งแบบกำหนดเอง' จะช่วยให้คุณสามารถเลือกสิ่งที่จะดำเนินการด้วย Media Center ได้ตามต้องการยิ่งขึ้น
  1. ในการใช้รีโมทของ Media Center ให้กดปุ่ม 'เริ่ม' สีเขียว ปุ่ม 'เริ่ม' สีเขียวบนรีโมทคอนโทรล
  2. ในครั้งแรกที่คุณเริ่มต้น Media Center ให้เลือก ดำเนินการต่อ ในหน้าการติดตั้งแล้วเลือกกำหนดเอง
  3. เมื่อคุณมาถึงหน้า ใช้ประโยชน์จาก Windows Media Center ให้ได้สูงสุด ให้เลือก ใช่ เพื่ออนุญาตให้ Media Center ดาวน์โหลดรูปปกอัลบั้ม รูปปกดีวีดี รายการทีวีแนะนำปัจจุบัน ข้อมูลจากบริการสื่อออนไลน์ และข้อมูลอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์

เคล็ดลับ

  • นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้เมาส์เปิด Media Center ได้อีกด้วย คลิกปุ่ม เริ่มปุ่ม 'เริ่ม' คลิก โปรแกรมทั้งหมด แล้วคลิก Windows Media Center
  • ถ้าตอนนี้คุณเลือก 'ติดตั้งด่วน' คุณสามารถย้อนกลับไปยังขั้นตอน 'ติดตั้งแบบกำหนดเอง' ได้ในภายหลังด้วยการทำตามขั้นตอนต่อไปนี้จากหน้าจอเริ่มต้นของ Windows Media Center: เลื่อนไปที่ งาน เลือก การตั้งค่า เลือก ทั่วไป เลือก การตั้งค่า Windows Media Center แล้วเลือกเรียกใช้โปรแกรมติดตั้งอีกครั้ง

การใช้งาน Microsoft word


  • มีระบบอัตโนมัติต่างๆ ที่ช่วยในการทำงานสะดวกขึ้น เช่น การตรวจคำสะกด การตรวจสอบไวยากรณ์ การใส่ข้อความอัตโนมัติ เป็นต้น
  • สามารถใช้ Word สร้างตารางที่สลับซับซ้อนย่างไรก็ได้
  • สามารถใช้สร้างจดหมายได้อย่างรวดเร็ว โดยสามารถกำหนดให้ผู้วิเศษ (Wizard) ใน Word สร้างแบบฟอร์มของจดหมายได้หลายรูปแบบตามต้องการ
  • ตกแต่งเอกสารได้ง่ายและรวดเร็ว สามารถตกแต่งเอกสารหรือเพื่อความสะดวกจะให้ Word ตกแต่งให้ก็ได้ โดยที่สามารถเป็นผู้กำหนดรูปแบบของเอกสารเอง
  • สามารถแทรกรูปภาพ กราฟ หรือผังองค์กรลงในเอกสารได้
  • เป็นโปรแกรมที่ทำงานบนวินโดว์ ดังคุณสมบัติต่างๆของวินโดว์จะมีอยู่ใน Word ด้วย เช่น สามารถย่อขยายขนาดหน้าต่างได้ สามารถเรียกใช้รุปแบบอักษรที่มีอยู่มากมายในวินโดว์ได้
  • ความสามารถในการเชื่อมต่อกับโปรแกรมอื่นๆในชุดโปรแกรม Microsoft Office สามารถโอนย้ายข้อมูลต่างๆระหว่างโปรแกรมได้ เช่น สามารถดึงข้อมูลใน Excel มาใส่ใน Word ได้
  • อยากทราบอะไรเกี่ยวกับ Word ถามผู้ช่วยเหลือที่มีชื่อว่า " Office Assistance" ตลอดเวลาขณะที่ใช้งาน Word
  • สร้างเอกสารให้ใช้งานในอินเตอร์เนตได้อย่างง่ายๆ
  • จากที่กล่าวมานี้เป็นเพียงความสามารถบางส่วนของ Microsoft Word เท่านั้น รายละเอียดอื่นๆ จะขอกล่าวถึงในภายหลัง
  โปรแกรมไมโครซอฟต์เวิร์ด ( Microsoft Word ) สามารถทำงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานประมวลคำได้ดังนี้
        1.   สามารถพิมพ์และแก้ไขเอกสาร
        2.   สามารถลบ โยกย้าย และสำเนาข้อความ
        3.   สามารถพิมพ์ตัวอักษรประเภทต่าง ๆ
        4.   สามารถขยายขนาดตัวอักษร
        5.   สามารถจัดตัวอักษรให้เป็นตัวหนา ตัวเอียง และ ขีดเส้นใต้ได้
        6.   สามารถใส่เครื่องหมายและตัวเลขลำดับหน้าหัวข้อ
        7.   สามารถแบ่งคอลัมน์
        8.   สามารถตีกรอบและแรเงา
        9.   สามารถตรวจการสะกดและแก้ไขให้ถูกต้อง
        10. สามารถค้นหาและเปลี่ยนแปลงข้อความที่พิมพ์ผิด
        11. สามารถจัดข้อความในเอกสารให้พิมพ์ชิดซ้าย ชิดขวาและกึ่งกลางบรรทัด
        12. สามารถใส่รูปภาพในเอกสาร
        13. สามารถประดิษฐ์ตัวอักษร
        14. สามารถพิมพ์ตาราง
        15. สามารถพิมพ์จดหมายเวียน ซองจดหมายและป้ายผนึก


            
       วิธีเรียกโปรแกรม Microsoft Word ทำง่าย ๆ ดังนี้   

                           
                1. เลื่อนไปที่ปุ่มเริ่ม Start แล้ว Click Mouse
                2. Click Mouse เลือก Programs
                3. Click Mouse เลือก Microsoft Word

        
 ตัวชี้เมาส์ (Cursor) คือ สัญลักษณ์แสดงตำแหน่งของเมาส์บนจอภาพ
 I   สัญลักษณ์แสดงตำแหน่งตัวแทรกข้อความ (Insertion point ) เป็นสัญลักษณ์แสดงตำแหน่งข้อความที่จะพิมพ์ลงไป
แถบหัวเรื่อง (Title bar) เป็นแถบแสดงชื่อโปรแกรมและชื่อไฟล์ที่เปิดอยู่

แถบเมนู (Menu bar ) เป็นแถบที่ใช้เก็บคำสั่งทั้งหมดในโปรแกรม
แถบเครื่องมือ ( Toolbar) เป็นแถบที่ใช้เก็บปุ่มคำสั่ง ซึ่งปุ่มเหล่านี้จะแทนคำสั่งที่ถูกเรียกใช้งานบ่อยๆ
แถบแสดงสถานะ (Status bar) เป็นแถบที่แสดงสถานะการทำงานในขณะนั้นๆ
 ปุ่มขยาย  (Maximize Button)  หน้าจอวินโดว์ให้เต็มจอภาพ

ปุ่มลดขนาด 
 (Minimize Button) เป็นปุ่มซ่อนวินโดว์
            
ปุ่มแสดงมุมมอง   
(View Button)  เป็นปุ่มที่ใช้เปลี่ยนมุมมอง
           
I ส่วนตัวแทรกข้อความ (Insertion point)  คือ สัญลักษณ์แสดงตำแหน่งข้อความที่พิมพ์ลงไป

สัญลักษณ์
ความหมาย
เป็น Cursor ที่ปรากฎอยู่ในพื้นที่เอกสาร
เป็น Cursor ที่ปรากฎอยู่บริเวณแถบเครื่องมือ ซึ่งอยู่นอกพื้นที่เอกสาร หรือ ปรากฎในขณะใช้งานบางคำสั่ง
 
เป็น Cursor ซึ่งปรากฎอยู่บริเวณตำแหน่งที่ว่าง ด้านซ้ายของเอกสารที่ เรียกว่า Selection bar
              ตัวแทรกข้อความ คือ สัญลักษณ์แสดงตำแหน่งของข้อความที่จะพิมพ์ลงไป สามารถเลื่อนไป ณ ตำแหน่งใดๆ ในเอกสารดังนี้
             เลื่อนตัวแทรกข้อความโดยใช้ Mouse
   สามารถเลื่อนไปยังที่ใดๆ ในเอกสารก็ได้ด้วยวิธีการใช้ Mouse ดังนี้
   1. เลื่อนไปยังตำแหน่งที่ต้องการ
   2. Click mouse ที่จุดนั้น จะปรากฎ ณ ตำแหน่งที่ต้องการ
            เลื่อนตัวแทรกข้อความโดยใช้คีย์บอร์ด
   สามารถที่จะเลื่อน I ไปยังตำแหน่งใดๆ ในเอกสารก็ได้ โดยใช้คีย์บอร์ดดังนี้
เลื่อนทีละตัวอักษรเลื่อน I ไปทางขวาทำได้ดังนี้
   ในกรณีที่ทางขวามือของบรรทัดนั้นยังไม่มีข้อความใดๆ ให้กดคีย์บอร์ดปุ่ม <Space Bar>
 เลื่อนทีละย่อหน้า
    สามารถเลื่อนขึ้นลงอย่างรวดเร็วทีละย่อหน้า โดยกดปุ่ม <PgUp> สำหรับเลื่อนขึ้น 1 หน้า และกดปุ่ม <PgDn> สำหรับเลื่อนลง 1 หน้า
เลื่อนไปยังต้นและท้ายเอกสารให้กดปุ่ม <Ctrl+Home> สำหรับเลื่อน ไปยังต้นเอกสาร และกดปุ่ม <Ctrl+End> สำหรับเลื่อนไปยังท้ายเอกสารเริ่มการป้อนข้อความขั้นตอนแรกของการศึกษาโปรแกรม Word คือ การทดลองป้อนข้อความและการแทรกข้อความลงในเอกสาร ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
   1. เริ่มการพิมพ์ย่อหน้าแรกด้วยการกดคีย์บอร์ด ปุ่ม Tab สังเกตได้ว่าที่กระพริบอยู่เลื่อนไปทางขวาเป็นระยะ ? นิ้ว
   2. พิมพ์ข้อความไปเรื่อยๆ จนหมดย่อหน้าโดยไม่ต้องกด Enter
   3. กด Enter เพื่อกำหนดว่าจบย่อหน้า ตำแหน่งของ จะย้ายไปอยู่บรรทัดถัดไป จากนั้นพิมพ์ไปเรื่อยๆ จนจบเอกสาร

   
         จะเห็นแถบเครื่องมือ ปรากฎบนหน้าจอภาพ ตอนเริ่มเข้าโปรแกรม โดยทั่วไปแล้วจะปรากฎเฉพาะแถบเครื่องมือที่จำเป็น ต้องใช้งานใน ขณะนั้นแต่ ก็สามารถกำหนดให้แสดงหรือซ่อนแถบเครื่องมือใดๆ บนจอได้ตามต้องการ


        การแสดงแถบเครื่องมือสามารถทำได้ตามขั้นตอน ดังนี้
1. คลิกคำสั่ง มุมมอง บนแถบเมนูจะปรากฏรายการคำสั่งย่อย
2. คลิกคำสั่ง แถบเครื่องมือ จะปรากฏกรอบโต้ตอบ เพื่อการเลือกใช้เครื่องมือประเภทต่าง ๆ
3. คลิกเลือกประเภทของเครื่องมือที่ต้องการ จะมีเครื่องหมายถูกหน้าเครื่องมือที่ต้องการแสดง
  
ประเภทของเครื่องมือมีดังนี้              1. แถบเครื่องมือมาตรฐาน
2. แถบเครื่องมือจัดรูปแบบ
3. กล่องเครื่องมือควบคุม
4. ข้อความศิลป์
5. ข้อความอัตโนมัติ
6. ฐานข้อมูล
7. ตรวจทานแก้ไข
8. ตารางและเส้นขอบ
9. ฟอร์ม
10. รูปภาพ
11. รูปวาด
12. เว็บ
13. กำหนดเอง


      การยกเลิกการแสดงแถบเครื่องมือสามารถทำได้ตามขึ้นตอนดังนี้
1. คลิกคำสั่ง มุมมอง บนแถบเมนู
2. คลิกคำสั่ง แถบเครื่องมือ จะปรากฏกรอบโต้ตอบ เพื่อการเลือกใช้เครื่องมือประเภทต่าง ๆ
3. คลิกเลือกประเภทของเครื่องมือที่ต้องการยกเลิก เครื่องหมายถูกหน้าเครื่องมือจะหายไป แสดงว่าต้องการยกเลิก การแสดงแถบเครื่องมือประเภทนั้น

DropBox

ดาวน์โหลดโปรแกรม Dropbox ฟรี
DropBox (โปรแกรม Dropbox เก็บไฟล์ออนไลน์ ฟรี 2 GB.) : สำหรับ โปรแกรม Dropbox ที่เปรียบเสมือนกล่อง เก็บไฟล์ออนไลน์ ซึ่งมันเป็นหนึ่งในระบบ บริการคลาวด์ (Cloud Computing) จัดอยู่ในประเภทของ Cloud Storage ที่สามารถให้คุณ เก็บข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไฟล์ รูปภาพ ต่างๆ ผ่านระบบออนไลน์ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็สามารถเอาข้อมูล ลงในกล่อง (Upload) หรือ เอาออกจากกล่อง (Download) นี้ได้ตลอดเวลาผ่านระบบเน็ตเวิร์ค ซึ่ง Dropbox ใช้งานได้ทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ (Desktop) ที่เป็น Windows, Mac OS. Linux ได้หมดครับ รวมไปถึงโทรศัพท์สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต อย่างเช่น iPhone, iPad, Andriod, BlackBerry ได้อีกด้วย

หลักการใช้งาน โปรแกรม Dropbox นี้ก็ง่ายแสนง่าย เพียงแค่ ดาวน์โหลด โปรแกรม Dropbox ตัวนี้มาติดตั้ง ที่เครื่องที่ต้องการจะแชร์ไฟล์ Sync ไฟล์กับเครื่องอื่นๆ หลังจากนั้นก็สมัครสมาชิก ลงทะเบียนเพื่อตั้งค่า ชื่อผู้ใช้ (Username) และ รหัสผ่าน (Password) หลังจากนั้น โปรแกรม Dropbox ก็จะเปิดตลอดเวลาที่ท่านเปิดใช้งาน เวลาต้องการจะโยนไฟล์ไปเก็บไว้บนเน็ต ก็แค่ ลากแล้ววาง (Drag and Drop) ธรรมดาละครับ ตัวหน้าตาก็ใช้งานง่ายมากๆ ถ้าเป็นใน Windows ก็เหมือน Windows Explorer มากๆ เป๊ะๆ เลย

นอกจากนี้แล้ว โปรแกรม Dropbox สามารถใช้ได้เกิดประโยชน์สูงสุด ในกรณี หากท่านต้องการจะแชร์ไฟล์ให้เพื่อนๆ ญาติสนิทมิตรสหาย คนรู้จัก หรืออาจารย์จะแชร์ไฟล์การบ้านให้ลูกศิษย์ ก็สามารถนำไฟล์ไปเก็บเอาไว้ใน โฟลเดอร์ชื่อ "Public" และก็สามารถที่จะ สร้าง Link ในรูปแบบของ Hyper-link แล้วส่งให้เพื่อนผ่าน E-Mail, Social Network (Facebook, Twitter) ได้โดยผ่าน โปรแกรม DropBox ซึ่งเป็นบริการ Cloud Computing ในรูปแบบของ Cloud Storage ได้โดย ทันทีเลยละครับ ...
หมายเหตุ : ในโปรแกรม Dropbox เวอร์ชั่นปัจจุบันนี้ สามารถรับคนที่ขอมาแชร์ไฟล์กับเราได้ผ่านโปรแกรมเลย โดยไม่ต้องเข้าเว็บไซต์ของ Dropbox.com ไปล็อคอินให้เสียเวลา ซึ่งจะเพิ่มสะดวกสบายในการใช้ Dropbox มากขึ้นไปอีกขั้น ...

Changelog (คุณสมบัติและความสามารถ โปรแกรม DropBox) :
Dropbox ล่าสุด
เวอร์ชั่น 2.6.12
  1. แก้ไขข้อผิดพลาดขณะกำลังติดตั้ง (Setup Wizard) ที่ไม่แสดงหน้าต่าง Pop Up แจ้งเตือนหลังจากลิ้งค์ไปโฟลเดอร์ที่ผิดที่
  2. แก้ไขข้อมูลการแปลภาษาเล็กน้อย ในโปรแกรม
เวอร์ชั่น 2.6.11
  1. แก้ไขบั๊กเล็กๆ น้อยๆ จำนวนทั้งหมดประมาณ 4 จุด จากเวอร์ชั่นที่ผ่านๆ มา อาทิเช่น เรื่องของการแสดงผลด้านภาษา เป็นต้น
เวอร์ชั่น 2.6.7
  1. แก้ไขปัญหา เรื่องการโฟลเดอร์ Camera Upload ในกรณีที่เชื่อมต่อกันหลากแหล่ง หลายที่
  2. ไม่อนุญาตให้มีตัวติดตั้งโปรแกรม (Installer) ทำงานพร้อมกันในเวลาเดียวกัน
  3. แก้ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ อื่นๆ อีกมากมาย
เวอร์ชั่น 2.6.6
  1. แก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นเล็กๆ น้อยๆ และแก้ไขปัญหาการเชื่อมต่อหลายบัญชีผู้ใช้ ในเครื่องเดียวกัน
เวอร์ชั่น 2.6.5
  1. แก้ไขปัญหาเมื่อติดตั้งบนวินโดว์ และมีหน้าต่างการขออนุญาติผู้ใช้ให้ติดตั้งขึ้นมาพร้อมกันถึง 2 ครั้ง
  2. และแก้ไขข้อผิพลาดอื่นๆ เล็กน้อย
เวอร์ชั่น 2.6.2
  1. ปรับปรุงระบบการติดตั้งโปรแกรมใหม่
  2. สามารถหยุดการ Sync ข้อมูลได้จากโปรแกรม
  3. ปรับปรุงหน้าตาโปรแกรมให้ดูทันสมัย และ ตอบสนองแบบ Responsive มากยิ่งขึ้น
  4. แก้ไขข้อผิดพลาดอื่นๆ อีกมากมาย
เวอร์ชั่น 2.4.10
  1. แก้ปัญหาการกินแรม โดยใช่เหตุในขณะ Sync ข้อมูล
  2. แก้ไขปัญหาผิดพลาดของฐานข้อมูลขณะ Sync ข้อมูล
  3. และอื่นๆ อีกมากมาย
เวอร์ชั่น 2.4.7
  1. แก้ปัญหาเครื่องแฮ้งค์ ขณะ Sync ไฟล์กับระบบค้นหาคอมเม้นต์
  2. แก้ปัญหาการปิดโปรแกรมเอง ขณะกำลังเปิดโปรแกรม
  3. แก้ปัญหาการปิดโปรแกรมเอง ขณะกำลังปิดโปรแกรมบนวินโดวส์ XP
  4. แก้ไขปัญหาหน่วยความจำรั่วไหล กินแรมโดยใช่เหตุ
  5. ปัญหาอื่นๆ อีกมากมาย
เวอร์ชั่น 2.4.3
  1. แก้ปัญหาที่เกิดขึ้น (Bug) เล็กๆ น้อยๆ จากรุ่นที่ผ่านๆ มา
  2. แก้ปัญหาการสิ้นเปลืองหน่วยความจำมากเกินไปบน Windows
  3. แก้ปัญหาภาพ Screenshot ที่บางครั้งทำงานไม่ได้กับภาษาต่างประเทศ
  4. และอื่นๆ
เวอร์ชั่น 2.4.1
  1. ปรับปรุงและพัฒนาการอัพโหลด ดาวน์โหลดไฟล์ ต่างๆ ให้มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
  2. สามารถนำเข้า (Import) ไฟล์จาก โปรแกรมตัดต่อรูป iPhoto ได้
  3. สนับสนุน Mac OS X รุ่นใหม่ล่าสุด Mavericks
  4. สนับสนุนรูปภาพ Screenshot
  5. แก้ไขปัญหาที่ผ่านมามากมาย ในรุ่นก่อนๆ

วิธีใช้ iTunes สำหรับมือใหม่

วิธีใช้ iTunes สำหรับมือใหม่


เป็นคำถามยอดฮิตก็ว่าได้ สำหรับคนที่เพิ่งใช้ iPhone, iPad, และ iPod ว่า “แล้วจะเอาเพลง, รูป, วิดีโอลงยังไง?” นั่นเพราะว่า อุปกรณ์เหล่านี้ ไม่สามารถที่จะทำการ copy ไฟล์ แล้วไป paste ได้โดยตรงเหมือนยี่ห้ออื่นๆ แต่ต้องใช้วิธีการที่เรียกว่า “ซิงค์” (sync) ซึ่งการซิงค์คือการปรับเทียบข้อมูลระหว่างอุปกรณ์สองอย่าง ในที่นี้ก็คือ คอมพิวเตอร์และบรรดาเจ้า i ต่างๆ นั่นเอง และจะต้องมีตัวกลางที่ทำหน้าที่ในการเชื่อมต่อก็คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และโปรแกรมนี้นี่เอง ที่มีความสำคัญมาก เพราะการใช้งาน iPhone, iPad และ iPod หากไม่มีโปรแกรมที่ว่านี้แล้ว ก็จะใช้งานได้ไม่เต็มร้อย โปรแกรมนี้ก็คือ iTunes วันนี้ผมจะบอกถึงวิธีการใช้งานสำหรับมือใหม่ ที่อาจจะยังไม่เคยรู้จัก iTunes มาก่อนเลยหรืออาจเคยใช้ แต่ยังไม่รู้จักมันดี เพื่อที่จะได้ใช้งานเจ้า i ทั้งหลายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพครับ…
iTunes เป็นโปรแกรมฟังเพลงที่พัฒนาโดยบริษัท Apple นอกจากจะเป็นโปรแกรมฟังเพลงที่ดีและใช้งานง่ายแล้ว ยังเป็นโปรแกรมตัวกลางที่ใช้สำหรับซิงค์กับอุปกรณ์ต่างๆ ของ Apple ด้วย ไม่ว่าจะเป็น iPhone, iPad และ iPod เพราะการทำงานของอุปกรณ์เหล่านี้ Apple ไม่อนุญาตให้ทำการ copy และ paste ข้อมูลได้โดยตรงเหมือนยี่ห้ออื่นๆ อาจเพราะเรื่องลิขสิทธิ์ หรืออะไรผมก็ไม่ทราบ แต่ว่า Apple ใช้วิธีการซิงค์ข้อมูล ในการเอาไฟล์เพลง, รูปภาพ, วิดีโอ, ริงโทน, แอพ ฯลฯ แทน หลักการซิงค์ ถ้าพูดง่ายๆ ก็คือ ข้อมูลที่เราจะเอามาลงใน iPhone นั้น จะต้องใส่ลงไปใน iTunes ก่อน แล้วทำการซิงค์ iTunes จะเป็นตัวที่นำข้อมูลต่างๆ ลงไปใน iPhone ของเราครับ อธิบายไปก็อาจไม่เห็นภาพ เรามาดูวิธีการใช้กันเลยดีกว่า
เริ่มจากดาวน์โหลด iTunes มาติดตั้งลงบนคอมพิวเตอร์ของเราก่อนครับ (มีข้อแนะนำอย่างหนึ่ง ควรใช้คอมพิวเตอร์ส่วนตัว เครื่องไหนเครื่องนั้นไปเลยสำหรับการซิงค์ ไม่แนะนำให้ใช้หลายเครื่อง เพราะข้อมูลจะมั่ว) โดยให้เข้าไปที่http://www.apple.com จากนั้นเลือก iTunes เพื่อเข้าหน้าดาวน์โหลด (iTunes โหลดมาใช้ฟรีครับ ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ)
จากนั้นให้กดที่ Free Download (อยู่ด้านข้างซ้ายมือเราครับ)
ก่อนดาวน์โหลด ต้องกรอกอีเมล์ (เพื่อรับข่าวสาร หรือถ้าไม่อยากรับก็ให้ติ๊กสองข้อบนออก) แล้วเลือกประเทศ (ให้เลือกประเทศไทย) แล้วจึงจะดาวน์โหลดได้ครับ
จะมีหน้าจอถามว่าจะบันทึกไฟล์ติดตั้ง iTunes ไว้ที่ไหน ผมเลือกเป็น Desktop ครับ จะได้หาง่ายๆ (ลงเสร็จค่อยย้ายไปเก็บไว้ที่อื่นหรืออาจจะลบไปก็ได้ แล้วแต่สะดวก)
เมื่อดาวน์โหลดเสร็จ ก็จะมีตัวติดตั้งอยู่ (เลือกเก็บไว้ที่ไหนก็ไปหาที่นั่นครับ ผมเลือกเป็น Desktop ก็จะอยู่ในหน้าแรกเลย หาง่ายดี) ให้ดับเบิ้ลคลิ๊กที่ไอคอนเลยครับ
จากนั้นให้กด Run เพื่อทำการติดตั้งครับ
เริ่มขั้นตอนการติดตั้ง กด Next ไปได้เลยครับ
ต่อมาเป็นหน้าจอถามว่าจะติดตั้งไว้ที่ไหน ให้กด install ได้เลยครับ เพราะปกติเราก็เก็บไว้ใน C:\Program files อยู่แล้ว
เมือติดตั้งเรียบร้อย (อาจใช้เวลานานสักหน่อยครับ) ก็จะมีหน้าจอแจ้งว่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถ้าเราต้องการเปิดใช้งานทันที ก็ให้ติ๊กตรงๆ Open iTunes…. แล้วกด finish ครับ
หน้าตาของ iTunes จะประกอบไปด้วย
- แถบบน เป็นแผงควบคุมการเล่นเพลง และสถานะต่างๆ
- แถบซ้ายมือ มี Library(แหล่งเก็บเพลง,วิดีโอ,แอพ ฯลฯ),Store,Shared,Playlist
- หน้าจอตรงกลางจะแสดงเพลงครับ หากยังไม่เอาเพลงเข้าไป ก็จะไม่มีข้อมูลในส่วนนี้
- แถบล่างจะเป็นตัวควบคุมการเล่นเพลง และ Playlist
ของคนที่เพิ่งใช้งานหน้าตาอาจจะไม่เหมือนกับของผมนะครับ แต่จะอธิบายทีหลังว่าจะทำยังไงให้ได้หน้าจอแบบของผม
ผมจะแนะนำให้ตั้งค่า iTunes ก่อนเข้าสู่การใช้งานนะครับ จะได้ดูง่าย ให้เข้าไปที่ Edit-Preference
ตรง Source ให้เลือกเฉพาะ Movies,Podcasts,Books,Apps,Tones เท่านั้นพอ เพราะเราจะใช้งานแค่นี้ เว้นแต่ใครใช้งานนอกเหนือจากนี้ ก็เลือกกันตามที่ใช้ ตรงส่วนที่เราเลือกนี้ จะไปแสดงในหน้า Library ด้านซ้ายมือครับ
ต่อไปจะเป็นวิธีการนำเพลงเข้าสู่ iTunes ครับ เพลงไหนที่เราอยากจะเอาเข้า iPhone ก็ให้เอาเข้ามาใน iTunes ให้หมดเลยครับ วิธีนำเพลงเข้า สามารถลากเพลงมาโยนใส่หน้าจอ Library ได้เลย หรือจะไปที่ File-Add file to library ก็ได้ครับ จากนั้นเลือกเพลงที่จะนำเข้า iTunes ได้เลย
แค่นี้เพลงก็จะเข้ามาสู่ iTunes เราสามารถเลือกฟังได้เลยครับ (ผมใช้ iTunes ในการฟังเพลงบนคอมฯ เลยครับ ไม่ได้ใช้ winamp, windows media player เลย เพราะ iTunes ใช้ง่ายกว่า) มีอีกหนึ่งความสามารถของ iTunes ที่จะอำนวยความสะดวกแก่เราก็คือ Playlist สำหรับคนที่มีเพลงเยอะๆ แล้วอยากแบ่งเพลงเป็น Playlist ต่างๆ อาจแยกตามอารมณ์เพลงก็ได้ ก็สามารถสร้าง Playlist ได้เลย (เราสามารถเลือกซิงค์เฉพาะบาง Playlist ได้ด้วย)
ตั้งชื่อ Playlist ได้ตามใจเลยครับ
วิธีนำเพลงเข้า Playlist ก็แค่เลือกเพลง กดค้าง แล้วลากไปโยนใส่ Playlist นั้นๆ ได้เลย
อีกหนึ่งความง่ายของการใช้ iTunes คือ มันแยก Artist, Album, Genres ฯลฯ ให้ชัดเจน ทำให้ง่ายต่อการเลือกฟังเพลง และเลือกซิงค์ จะหาเพลงของนักร้องคนไหน, อัลบั้มอะไร, ประเภทเพลงแบบไหน ก็ทำได้ง่ายๆ (แต่ว่าเพลงนั้นๆ จะต้องมีข้อมูลนะครับ ถ้าเพลงที่ซื้อมาถูกต้อง ข้อมูลพวกนี้จะมีครบ หากไม่มี เราสามารถคลิกขวาที่เพลง แล้วกด Get info เพื่อเพิ่มข้อมูลเหล่านี้เข้าไปในเพลงได้)
จริงๆ ถ้าเข้าใช้งานครั้งแรก ยังไม่ได้ปรับแต่งอะไร หน้าจอ iTunes จะเป็นเหมือนในรูปครับ โดยในช่องแสดงเพลง ก็จะมีรายการเพลงที่เรานำเข้า และมีบอกถึงข้อมูลนักร้อง, อัลบั้ม แต่ยังไม่มีหน้าต่างแยกเหมือนของผม
ให้เราเข้าไปที่ View-Column Browser-Show Column Browser ครับ
ก็จะมี Column Browser เพิ่มเข้ามา แต่อยู่ด้านข้าง ซึ่งไม่ได้ช่วยให้การใช้งานง่ายขึ้นเลย ให้เราเข้าไปเมนูเดิม เพื่อปรับให้ Column Browser มาอยู่ด้านบนแทน โดยให้เลือกเป็น On Top ก็จะมี Column Browser ที่แยกนักร้อง, อัลบั้ม และประเภทเพลง ให้เราเลือกฟังได้อย่างสะดวกครับ
——————————————————-
สำหรับเรื่องเพลง ก็จบไปครับ เป็นการอธิบายการใช้งาน iTunes เพื่อนำเพลงเข้ามา อย่างคร่าวๆ แบบง่ายๆ ให้มือใหม่ได้ลองใช้กัน ต่อมาเป็น App ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากในการใช้ iPhone ปกติการโหลดแอพมาใช้ เราสามารถโหลดได้โดยตรงจาก iPhone แต่ยังมีอีกวิธีหนึ่งในการโหลดแอพ นั่นก็คือ ใช้ iTunes ในการโหลดแอพ แล้วค่อยซิงค์ลง iPhone
ในการโหลดแอพผ่านทาง iTunes ก็เข้าไปที่ iTunes Store (ด้านซ้ายมือ) ก็จะพบกับร้านขายแอพของทาง Apple ครับ ซึ่งมีทั้งแอพฟรี และแอพทีต้องซื้อ
ก่อนอื่นต้องทำการสมัคร Apple ID ซะก่อนครับ ถึงจะใช้งานได้ หลายคนที่ซื้อ iPhone จากร้านตู้มา ทางร้านอาจลงแอพให้แล้ว และมี Apple ID ของทางร้านติดมาให้ แต่ไม่ให้รหัสผ่านมา ทำให้เราไม่สามารถอัพเดทแอพได้ และไม่สามารถโหลดแอพเพิ่มได้เลย เราจะต้องมี ID เป็นของตัวเองครับ ถึงจะสะดวก จะลงจะอัพ ก็ไม่ต้องไปที่ร้าน (แต่ เวลานำเครื่องมาซิงค์กับเครื่องคอมฯ ด้วย ID ของเราเองแล้ว แอพต่างๆ ที่ทางร้านลงให้จะหายหมดครับ แต่ผมแนะนำว่า ลงใหม่เองดีกว่าครับ หากเสียดาย ก็จดชื่อแอพไว้ แล้วค่อยโหลดเอง ส่วนแอพที่ต้องเสียเงินซื้อที่ทางร้านลงให้ ก็ต้องยอมให้หายไปครับ แลกกับความสะดวก เพราะเราสามารถซื้อแอพเองได้ง่ายๆ เลย ผ่าน iTunes Store)
สำหรับวิธีสมัคร Apple ID อ่านได้ ที่นี่ เลยครับ
เมื่อได้ Apple ID มาแล้ว ก็เข้าทำการ Sign in บน iTunes ก่อน โดยเข้าไปที่ Store-Sign in (แต่ของผมเข้าระบบไปแล้ว จึงเป็น sign out แทน)
เมื่อ Sign in แล้ว ให้ทำการ Authorize เครื่องคอมฯ ของเราด้วย การ Authorize จะทำให้แอพที่เราโหลดโดยตรงจาก iPhone เมื่อมาซิงค์กันแล้ว แอพจะไม่หายครับ (แต่ต้องใช้ ID เดียวกันนะครับ ทั้ง iTunes และ iPhone)
sign in, authorize แล้ว ก็สามารถเลือกโหลดแอพได้เลยครับ ทำได้หลายวิธี จะ Search จากช่องค้นหา หากเรารู้ชื่อแอพ หรือเลือกจากประเภทแอพก็ได้ครับ ให้กดที่ App Store ก็จะมี ลิสต์รายการประเภทแอพขึ้นมาให้เราเลือกครับ
ก็จะมีแสดงแอพต่างๆ ให้เราเลือกโหลดได้เลยครับ
หากเราต้องการแอพไหน ก็กดไปที่แอพเพื่อดูรายละเอียด และจะมีปุ่ม Free สำหรับกดดาวน์โหลด หากเป็นแอพที่ต้องซื้อก็จะเป็นราคาของมันแทนครับ
เมื่อกดที่ Free แล้ว ก็จะมีหน้าต่างให้เรากรอกรหัสผ่านอีกครั้ง ก่อนทำการโหลด
แค่นี้ แอพก็จะถูกดาวน์โหลดลง iTunes ของเราครับ
ในแถบ Library จะมีส่วนของ Apps เป็นแหล่งเก็บแอพต่างๆ ที่เราดาวน์โหลดมาครับ
หากมีตัวเลขกำกับ ด้านหลังคำว่า Apps แสดงว่ามีแอพอัพเดท เราสามารถกดไปที่คำว่า Update Available (มุมล่างขวา) เพื่อทำการอัพเดทแอพได้
หน้าจอแอพที่มีอัพเดท สามารถเลือกอัพเป็นรายแอพ หรือจะอัพทีเดียวเลยก็ได้ครับ
——————————————————-
มาถึงเรื่องรูปภาพกันบ้างครับ ถ้าเป็นยี่ห้ออื่น วิธีการง่ายๆ ในการเอารูปลงมือถือก็คือ copy แล้ว paste ได้เลย แต่ iPhone ไม่ได้ครับ ต้องทำการซิงค์อย่างที่บอกไปแล้ว มาดูวิธีเอารูปลง iPhone กันครับ
ก่อนจะไปดูการนำรูปเข้า มาดูการนำรูปที่เราถ่ายจากกล้องของ iPhone ลงคอมกันก่อน เมื่อเราเสียบ iPhone กับคอมฯ แล้ว คอมฯ จะมอง iPhone เป็นกล้องดิจิตอลตัวหนึ่ง สามารถกดเข้าไป copy รูป แล้ว Paste บนคอมฯ เราได้เลยครับ (แต่ในทางกลับกัน ไม่สามารถ copy รูปจากในคอมฯ ไป paste ใน iPhone ได้ ไม่เชื่อ ลองทำดูครับ)
สำหรับวิธีการนำรูปเข้ามาใน iTunes นั้น จะแตกจากเพลงและแอพ เพราะ iTunes ไม่สามารถเปิดและแสดงรูปภาพได้ วิธีการคือ iTunes จะให้เรากำหนดโฟลเดอร์รูปภาพที่เราจะนำเข้า iPhone พูดง่ายๆ ก็คือ ให้เราสร้างโฟลเดอร์ขึ้นมาโฟลเดอร์นึง เพื่อเก็บรูปที่เราต้องจะนำลง iPhone อย่างของผม ผมจะมีโฟลเดอร์ iPhone แล้วในโฟลเดอร์นี้จะมีโฟลเดอร์ย่อยๆ เพื่อเก็บข้อมูลประเภทต่างๆ ก็จะมี Photo สำหรับเก็บรูปที่ผมจะใส่เข้าไปใน iPhone (โดยภายใน Photo ที่ผมสร้างไว้ ก็จะมีโฟลเดอร์ย่อยๆ ลงไปอืก เพื่อแยกประเภทรูป เช่น wallpaper, caller id, my photo อะไรก็ว่าไปครับ เป็นการจัดระเบียบรูปภาพไปในตัว ง่ายเวลาดูด้วย)
สำหรับเรื่องรูป เมื่อสร้างโฟลเดอร์และเอารูปไปไว้ในโฟลเดอร์อย่างที่ผมแนะนำแล้ว ก็ตั้งไว้ก่อนครับ มาต่อกันที่วิธีการซิงค์ข้อมูลต่างๆ ที่เราเตรียมไว้ เข้าสู่ iPhone โดยวันนี้จะแนะนำการซิงค์ เพลง, แอพ และรูปภาพ (ส่วนริงโทน, ข้อมูลรายชื่อและปฏิทิน เอาไว้โพสท์หน้าครับ)
เมื่อเพลง, วิดีโอ(นำเข้าวิธีการเดียวกับเพลงเลยครับ), แอพ และรูปภาพพร้อมแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนสุดท้ายนั่นก็คือ การซิงค์ ให้เราเสียบ iPhone เข้ากับคอมฯ แล้วเปิด iTunes ขึ้นมา ก็จะมีหน้าจอดังในรูปครับ iTunes จะแสดงข้อมูลของ iPhone ของเรา ว่ามีหน่วยความจำใช้ไปเท่าไหร่ ใช้อะไรไปบ้าง (แถบสีด้านล่าง) และจะมีแท๊ปแยกข้อมูลแต่ละประเภท เช่น info, music, movie ฯลฯ
ในหน้า Sumary (หน้าแรก) เลื่อนลงข้างล่าง จะมี Option ให้เราตั้งค่าด้วยครับ แนะนำให้ติ๊กออกให้หมด หรือถ้าใครต้องการใช้ข้อไหนก็เลือกเอาครับ
เลื่อนมาที่แท๊ป Apps จะแสดงแอพทั้งหมดในคอมฯ และเราเลือกได้ว่าจะเอาแอพไหนลง iPhone บ้าง หน้าจอด้านขวามือจะมีตำแหน่งแอพให้เราเลื่อนได้ตามใจชอบ
แท๊ป Musics ก็จะเป็นตัวเลือกในการซิงค์เพลง เลือกได้ว่าจะซิงค์เพลงทั้งหมดใน iTunes Library หรือเลือกเฉพาะ Playlist ก็ได้
แท๊ป Photos ก็จะให้เราเลือกว่าจะเอารูปจากโฟลเดอร์ไหน ใส่เข้า iPhone ในช่อง Sync Photos from ให้เรากด แล้วเลือกโฟลเดอร์ที่เราเตรียมไว้ อย่างที่ผมแนะนำไปข้างบน แล้วหากในโฟลเดอร์นั้นๆ มีโฟลเดอร์ย่อยๆ ก็จะมีลิสต์ให้เราเลือกว่า จะเอาโฟลเดอร์ไหนซิงค์ลง iPhone บ้าง ก็ติ๊กเลือกได้เลยครับ